พอพูดถึงอากาศในประเทศไทยปุ๊ป
มิสโอเชื่อว่าเพื่อนๆ ต้องทำหน้าเบื่อใส่แน่ๆ เลย
ทุกวันนี้ประเทศไทยแปรแรวนเป็นอย่างมาก
แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วแน่นอนย่อมมีผลเสียตามมา
โดยเฉพาะในเรื่องของผิวพรรณของเพื่อนๆ ที่ต้องทนกับสภาพอากาศแบบนี้
วันไหนร้อนน้อยหน่อยพอทนได้ แต่วันไหนแดดแรงมาตั้งแต่เช้า
ออกมาทำงานกว่าจะถึงที่หมายเหงื่อออกทุกขุมขน แถมผิวยังแดงจากการโดนแดดเผา
เจอแบบนี้บ่อยๆ ผิวของเพื่อนๆ ต้องแก่ก่อนวัยแน่ๆ ค่ะ
ผิวแก่คืออะไร? ปกติอาการเหล่านี้จะเริ่มตั้งแต่อายุ 25 ปี ผิวจะเริ่มแสดงสัญญาณสำคัญที่ทำให้รู้ว่าผิวเริ่มมีอายุมากขึ้น โดยริ้วรอยตื้นๆ จะเริ่มเกิดขึ้นก่อน และพัฒนาเป็นริ้วรอยที่มีขนาดใหญ่และลึกขึ้น จนกระทั่งเกิดการสูญเสียวอลุ่มในเซลล์ผิวและความหนาแน่นของผิวจากภายในที่สังเกตได้จากภายนอก ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยต่างๆ ตามมา และผิวแก่ก่อนวัยจะเกิดอาการเหล่านี้ก่อนอายุอันควรนั่นเอง ซึ่งพบได้มากยิ่งขึ้นในปัจจุบันโดยสาเหตต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะ แสงแดดจัดในบ้านเราเอง ซึ่งเพื่อนๆ คงไม่อยากอายุน้อยแต่ผิวแก่กันใช่ไหมคะ มันคงเป็นเรื่องน่ากลัวของผู้หญิงนอกจากความอ้วนเลยทีเดียว เรามาทำความรู้จักประเภทความแก่ของผิวหนังกันค่ะ
ทั้งนี้ ผศ.พญ.พลอยทราย รัตนเขมากร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง รพ.รามาธิบดี ได้แบ่งประเภทความแก่ของผิวหนังเป็น 2 ชนิดคือ
Natural Aging ความเสื่อมของผิวชนิดเป็นไปตามธรรมชาติตามอายุที่เพิ่มขึ้น ที่จะค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาแบบไม่รู้ตัว ลักษณะจะมีริ้วรอยย่นแบบละเอียดเหมือนผ้ารีดไม่เรียบกระจายทั่วใบหน้า ไม่ค่อยมีกระแดดหรือฝ้า และยังไม่มีใครหยุดยั้งความแก่ชนิดนี้ได้
Photo Aging ความแก่ชราหรือความเสื่อมของผิวหนังจากแสงแดดไม่ขึ้นอยู่กับอายุของผิวแต่ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงแดดที่ได้รับซึ่งทำให้ผิวมีลักษณะหยาบ ใรอยย่นอย่างเป็นร่องลึก เกิดกระแดดและฝ้ากรัจายตามบริเวณที่ได้รับแสง การป้องกันคือการหลีกเลี่ยงแสงแดด้วยกรรมวิธีต่างๆ เช่น อยู่ในร่ม ใส่หมวกปีกกว้าง ใส่เสื้อแขนยาว และทาครีมกันแดดเป็นประจำ
แสงแดดที่ผิวต้องเผชิญและสัมผัสทุกวันนั้นประกอบด้วยรังสียูวีเป็นส่วนน้อยแต่เป็นแสงที่ให้ความสว่างร่วมกับแสงอินฟราเรดเป็นส่วนใหญ่ ดังนี้
- แสงยูวี คือแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามีเพียง 5% ของแสงแดดทั้งหมดแต่มีพลังงานสูงและเป็นปัจจุยหลักที่ก่อให้เกิดผิวไหม้แดงคล้ำ เสื่อม และเกิดมะเร็งผิวหนัง มีหลายชนิด อาทิ UVA แสงที่ทำให้ผิวดำคล้ำ การเหี่ยวย่น การป้องกันแสง UVA ที่ดีที่สุดคืออยู่ในร่ม ติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกรถ ใช้ครีมกันแดดโดยดูจากฉลากที่เขียนว่า PA+++ ส่วน UVB ทำให้ผิวหนังมีอาการแดงและไหม้ ตามมาด้วยการดำคล้ำของผิวและมะเร็งผิวหนัง การป้องกันดูได้จากค่า SPF
- แสงที่ให้ความสว่าง เป็นแสงที่มองเห็นด้วยตาเปล่า หากได้รับเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดผิวคล้ำเสีย ป้องกันได้โดยอยู่ในที่มืด สวมใส่เสื้อผ้าทึบแสงหรือใส่แว่นกันแดด
- แสงอินฟราเรดหรือแสงให้ความร้อน มีปริมาณ 50% ของแสงแดดทั้งหมด มองไม่เห็นด้วยตาแต่สามารถสัมผัสรับรู้ได้จากความร้อนที่เกิดขึ้น จริงๆ แล้วแสงอินฟราเรดเป็นพลังงานที่มีประโยชน์ในการกระตุ้นระบบบไหลเวียนของเลือดอละการเผาผลาญอาหาร แต่ในปัจจุบันพบว่าแสงอินฟราเรดสามารถทำให้เกิดการสลายตัวหรือเสื่อมของคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดผิวคล้ำและเสื่อมหากได้รับมาก ป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่มีรังสีอินฟราเรดปริมาณสูง เช่น ในห้องโยคะร้อน เตาอบ หรือหลอดไฟที่มีแสงร้อนจ้า และเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีอินฟราเรดโดยเฉพาะ
ได้รู้ว่าลักษณะแสงที่เราต้องพบเจอในแต่ละวันมีแบบไหนบ้าง
เพื่อนๆ อย่าลืมหาวิธีรับมือเวลาเจอแสงแดดด้วยนะคะ
ไม่อย่างงั้นผิวพรรณของเพื่อนๆ อาจถึงคราวประสบปัญหาแน่ๆ
วิธีป้องกันอย่างง่ายๆ คือการทำครีมกันแดด ใส่แว่นกันแดด สม่ำเสมอ
ก็สามารถช่วยลดการให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงแล้วค่ะ
(บัฟฟาโล่ เซ็ทแว่นตากันแดด -1,990฿)
(บัฟฟาโล่ แว่นตากันแดด รุ่น สมาท เซ็ต เวอร์ชั่น2 -1,990฿)
(อาร์เจเค ยูวี ไวท์ ซัน โพรเทคชั่น -690฿)
(ซีเอ็นพี โทน-อัพ โพรเทคชั่น ซัน เอสพีเอฟ 42 พีเอ+++ -1,290฿)
Cr.M2F ฉบับ 29 กุมภาพันธ์ 2559
Leave a Reply